ทฤษฎีของ Bloom ในการสอนฟุตบอล
ทฤษฎีของบลูมในสอนฟุตบอล เป็นทฤษฎีที่ทำให้เด็กๆเกิดเป้าหมายในชีวิต เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่สามารถดูได้จากเทคโนโลยี เช่น YOTUBE เป็นต้น การสอนฟุตบอลในทฤฎีนี้เพื่อให้บุคคลหรือนักเรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปทางที่พึงประสงค์ ผู้สอนจะต้องกำหนดจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ผู้สอนกำหนดกิจกรรมการเรียนรวมไปถึงการวัดและประเมินผลได้ถูกต้อง ทฤษฎีบลูมแบบเป็น 6 ระดับ
- ความรู้ที่เกิดจากความจำ
- ความเข้าใจ
- การประยุกต์
- การวิเคราะห์
- การสังเคราะห์
- การประเมินค่า
ข้อดี
|
ข้อจำกัด
|
1. ความรู้ (Knowledge) | 1. จำ (Remembering) |
2. ความเข้าใจ (Comprehension) | 2. เข้าใจ (Understanding) |
3. การนำไปใช้ (Application) | 3. ประยุกต์ใช้ (Applying) |
4. การวิเคราะห์ (Analysis) | 4. วิเคราะห์ (Analysing) |
5. การสังเคราะห์ (Synthesis) | 5. ประเมินค่า (Evaluating) |
6. การประเมินค่า (Evaluation) | 6. คิดสร้างสรรค์ (Creating) |
1. จำ (Remembering) หมายถึง ความสามารถในการระลึกได้ แสดงรายการได้ บอกได้ ระบุ บอกชื่อได้ ตัวอย่างเช่น นักเรียนสามารถบอกความหมายของทฤษฎีได้
2. เข้าใจ (Understanding) หมายถึง ความสามารถในการแปลความหมาย ยกตัวอย่าง สรุป อ้างอิง ตัวอย่างเช่น นักเรียนสามารถอธิบายแนวคิดของทฤษฎีได้
3. ประยุกต์ใช้ (Applying) หมายถึง ความสามารถในการนำไปใช้ ประยุกต์ใช้ แก้ไขปัญหา ตัวอย่างเช่น นักเรียนสามารถใช้ความรู้ในการแก้ไขปัญหาได้
4. วิเคราะห์ (Analyzing) หมายถึง ความสามารถในการเปรียบเทียบ อธิบายลักษณะการจัดการ ตัวอย่างเช่น นักเรียน สามารถบอกความแตกต่างระหว่าง 2 ทฤษฎีได้
5. ประเมินค่า (Evaluating) หมายถึง ความสามารถในการตรวจสอบ วิจารณ์ ตัดสิน ตัวอย่างเช่น นักเรียนสามารถตัดสินคุณค่าของทฤษฎีได้
6. คิดสร้างสรรค์ (Creating) หมายถึง ความสามารถในการออกแบบ (Design) วางแผน ผลิต ตัวอย่างเช่น นักเรียนสามารถนำเสนอทฤษฎีใหม่ที่แตกต่างไปจากทฤษฎีเดิมได้
การสอน